วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ไข่มุก แห่งอัญมณี

ไข่มุก แห่งอัญมณี

         ไข่มุก เป็นอัญมณีที่คุ้มค่าแก่การใช้สอยอีกชนิดหนึ่งนอกเหนือจาก "เพชร"
เพราะสามารถใช้สอยได้ทุกโอกาสทุกสถานที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นกลางวัน หรือ
งานทุกงานยามค่ำคืน และสามารถสวม เครื่องประดับไข่มุกกับเครื่องแต่งกายทุกชุด
ทุกแบบได้อย่างงดงามอีกด้วย






      คงไม่มีใครปฏิเสธว่า "ไข่มุก" เป็นหนึ่งในผลผลิตล้ำค่าที่เกิด ขึ้นบนท้องทะเล

บางคนถึงขนาดยกให้ "ไข่มุก" เป็นหนึ่งสิ่งมหัศ- จรรย์ที่เกิดขึ้นมาบนพื้นพิภพเลยทีเดียว

ส่วนหลายๆคนก็ตั้งข้อ  สงสัยว่า ทำไมหนอ?!? ไข่มุกลูกกลมดิก สีขาวนวล เป็นมันแวววาวสวยงาม


จึงเกิดขึ้นมาได้ในตัวหอยมุกที่นอนจมอยู่ใต้ทะเล ในอดีต "หอยมุก" ถือว่าเป็นเสมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์


หากใครได้พบเจอ หรือมีไว้ในครอบครองก็จะทำให้มีความสุขความเจริญ จะค้าจะ   ขายก็มีความรุ่งเรือง



      นอกจากนั้นบางคนยังเชื่อว่าหอยมุกสามารถบำรุงความงาม และชะลอความแก่ได้ เช่น พระนางคลีโอพัตรา

ที่เอาไข่มุกมาไส่ไว้ในถ้วยชาแล้วดื่มทุกวัน เพราะเชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะ จนบางคนเอาไปอำเพื่อน ๆ

ว่าชาไข่มุกที่กินกันอยู่ในเมืองไทยนั้นต้นกำเนิดมา จากพระนางคลีโอ-    พัตราสำหรับคนในยุคดิจิตอล

การที่จะพบ ไข่มุกในธรรมชาตินั้นเป็นเรื่องยากพอๆกับการงมเข็มในมหาสมุทร แต่กระนั้นก็ไม่ถือว่าเป็น

ปัญหาแต่อย่างใด เพราะด้วยความชาญ ฉลาดของมนุษย์ก็ทำให้คนเราสามารถผลิตไข่มุกขึ้นมาได้โดยไม่ยากเย็น


      ในเมืองไทย แหล่งผลิตหอยมุกที่มีชื่อเสียงจะอยู่ในแถบภาคใต้   โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต

ซึ่งถือว่ามีชื่อเสียงในเรื่องหอยมุกมาช้านาน


   หอยมุกเลี้ยงที่ฟาร์มแห่งนี้มีอยู่ 3 ประเภทด้วยกัน เรียกชื่อเป็นภาษาฝรั่งว่า Mabe, Akoya และ

South Seaสำหรับสถานที่เลี้ยงหอยมุกเหล่านี้ก็คือแพกลางทะเล บริเวณร่องน้ำลึก เพราะในแถบ

นั้นจะมีแพลงตอน ซึ่งเป็นอาหารของหอยมุกอยู่จำนวนมาก และหอยมุกแต่ละชนิดก็จะมีลักษณะ แตกต่างกันไป

 

      Mabe (อ่านว่า มา-เบ) เป็นหอยมุกประเภทแรกที่ พงศภัคแนะนำ หอย มุกประเภทนี้เป็นหอย

ที่ต้องใช้นิวเคลียสในการสร้างไข่มุก แบบครึ่งซีกเท่านั้นจะใช้แบบวงกลมไม่ได้เพราะหอยจะคาย

นิวเคลียสออก วิธีการสร้างไข่มุกก็จะต้องใช้เครื่องมือง้างเปลือกหอยให้อ้ากว้างออก และใส่นิวเคลียสเข้าไป

จากนั้นก็รอเวลาประมาณ 10 เดือน - 1 ปีหอยก็จะสร้างสารมุกมาเคลือบนิวเคลียสนั้นทีละชั้น ๆ

จนเมื่อครบกำหนดเวลาก็จะเกิดเป็นไข่มุกสวยงามขึ้นมา แต่เพราะนิวเคลียสที่ใช้นั้นเป็นพลาสติกครึ่งซีก

มุกที่ได้ก็จะ ออกมาเป็นครึ่งซีกเช่นกัน ดังนั้นเมื่อแกะมุกออกมาแล้วก็จะต้อง แงะพลาสติกที่ใช้เป็นนิวเคลียส

ด้านในออก แล้วเอาเรซินใส่เข้าไปแทน จากนั้นก็เอาเศษเปลือกหอยมุกตัวนั้นมาปิดทับ แล้วนำไปขัดให้ดู

กลมกลืนอีกที มุกที่ได้จะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 8-10 มิลลิเมตร


     หอยมุก Akoya เป็นหอยมุกที่สร้างไข่มุกขนาดเล็กที่สุดในโลก คือมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2-10  มิลลิเมตร

เท่านั้นเอง แต่นิวเคลียสที่ใช้จะไม่เหมือนกับ Mabe ที่ใช้พลาสติกครึ่งซีก แต่จะใช้เป็นเปลือกหอยน้ำจืดที่

ส่งตรงมาจากรัฐมิสซิสซิปปี้ สหรัฐอเมริกา นำมาทำให้เป็นทรงกลมแล้วเอาไปใส่ไว้ในเปลือกหอย แต่หอยมุก

Akoya จะคายนิวเคลียสออกมาถึง 3 ครั้งก่อนจะยอมรับสิ่งแปลกปลอมนั้นไว้ในเปลือกของมันและสร้างสาร

มุกออกมาเคลือบ สำหรับมุก Akoya นั้นจะใช้เวลาสร้าง 1 ปีครึ่ง - 2 ปี กว่าจะได้มาแต่ละเม็ด ซึ่งการเพาะเลี้ยง

หอยมุกชนิดนี้จะมีมากที่ประเทศญี่ปุ่น และจีน 

Golden South Sea


      หอยมุก South Sea หอยประเภทนี้จะตรงข้ามกับ Akoya คือสามารถสร้างมุกได้เม็ดใหญ่ที่สุดในโลก

มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 - 2 เซนติเมตร เรียกว่ามีขนาดเท่า ๆ กับเหรียญบาทเลยทีเดียวหอยมุกประเภทอื่นๆ

จะสร้างมุกได้แค่ครั้งเดียว จากนั้นก็นำมากินได้เลย แต่สำหรับหอยมุก South Sea นั้นมีความพิเศษเพราะมีอายุ

ถึง 15 ปี และสามารถสร้างมุกได้ถึง 3 ครั้งด้วยกัน ครั้งแรกใช้เวลา 5 ปี ครั้งที่สอง 3 ปี และครั้งสุดท้ายใช้เวลา

2 ปีครึ่ง ในส่วนสีของไข่มุกก็จะขึ้นอยู่กับ "ลิบ" หรือแถบสีของเปลือกหอยมุกตัวนั้น ถ้า หากเอานิวเคลียสไป

วางไว้ในช่วงแถบสีขาวก็จะได้ไข่มุกสีขาว หรือหากวางไว้ในช่วงแถบที่ออกสีชมพู ก็จะได้ไข่มุกสีชมพูบาง

คนอาจมีข้อสงสัยแบบโลภๆ ว่าถ้าอยากได้ไข่มุกเม็ดโต ๆ ก็ใช้นิวเคลียสอันใหญ่ๆ ไปเลยไม่ได้หรือ คำตอบที่ตอบมาก็คือ

ถ้าหากใช้นิวเคลียสอันใหญ่ สารมุกที่เคลือบก็จะบาง ทำให้ได้มุกที่ดูใสๆ ไม่มีเนื้อมุกเท่าที่ควร หากนำไปส่อง

กับไฟก็อาจจะมองเห็นนิวเคลียสที่อยู่ภายในเลยก็ได้

วิธีสังเกตของแท้-เทียม

วิธีสังเกตของแท้-เทียม

ไข่มุกเป็นอัญมณีล้ำค่าที่สุดอย่างหนึ่งและมีประวัติศาสตร์
อันยาวนานเนื่องจากความสวยงามของมัน ซึ่งที่จริงแล้วเกิดจาก
ความรำคาญของเจ้าหอยที่มีปฏิกิริยา ต่อสิ่งแปลกปลอมที่เข้าไปใน
เปลือกของมัน

      ไข่มุกแบ่งเป็นชนิดใหญ่ๆ 2 ชนิดคือ ไข่มุกน้ำจืดกับไข่มุกน้ำเค็ม
ซึ่งแปลที่มาได้ตรงตัวเลย มุกน้ำจืดมีแหล่งเกิดแถบแม่น้ำ (fresh water)
มุกน้ำเค็มมาจากทะเล (salt water)

      ไข่มุกแท้จะมีความแข็งและความแวววาวที่กินขาดจากไข่มุกเทียม
ซึ่งทำมาจากวัสดุที่ด้อยค่ากว่า บางทีเป็นแค่พพลาสติกหุ้มสีวาวๆเท่านั้น
สำหรับวิธีพิสูจน์ว่าอันไหนของแท้ของเทียม นอกจากจะดูความวาวและ
เลื่อมสีที่เห็นได้ชัดแล้ว ทำได้โดยนำไข่มุกมาถูกกับฟัน
(อย่าเผลอเคี้ยวเข้าปากล่ะ)ถ้าของแท้จะไม่เป็นรอย และถ้าใช้ลิ้น
สัมผัสจะรู้สึกสากๆ ถ้าต้องการ พิสูจน์ด้วยวิธีโหดหน่อย แบบชนิด
ต้องรู้ให้ได้ล่ะวันนี้ ให้ใช้ไฟลน ถ้าเป็นของเทียมมีหวังเหลวไหม้
ไขมุกแท้

หรือแตกแต่ไข่มุกแท้จะทนทานแม้จะไหม้ไปบ้างก็เช็ดรอยออกได้

      สำหรับไข่มุกดำนั้นมาจากหอยชนิดที่เรียกว่า Pinctada Margaritafera
ซึ่งเป็นหอยที่มีเนื้อเปลือกในเป็นสีดำ พบได้ในทะเลแถบเฟรนช์ โพลิเนเซีย
ทะเลใต้ หรืออ่าวแคลิฟอร์เนีย ซึ่งไข่มุกดำที่มีชื่อเสียงมากๆมาจากเกาะตาฮิติ
ซึ่งตอนหลังเพาะหอยมุกดำได้สำเร็จไข่มุกแต่ละชนิดมีดีในตัวเอง ขึ้นอยู่กับว่า
มีรอยตำหนิน้อยที่สุดแค่ไหน ขนาดเป็นอย่างไร น้ำหนักเท่าไหร่ นอกจากนี้ยัง
ขึ้นอยู่กับการออกแบบเพื่อนำไข่มุกไปทำอัญมณีด้วย

     ไพล นี ผู้เชี่ยวชาญอัญมณีคนแรกของโลกที่เขียนเกี่ยวกับไข่มุก
เขียนไว้ในหนังสือ Nature History ว่า หอยต้องมีขนาดใหญ่ด้วย
บางทีใหญ่เกินไปหอยก็อาจตายได้ หอยอยู่ไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะถ้า
หวังจะได้ไข่มุกเม็ดใหญ หมายถึงว่าลูกปัดที่จะใส่เข้าไปใน จากการกำเนิด
ของไข่มุกจะเห็นได้ว่า ไข่มุกเป็นเครื่องประดับสวยงามก็จริง แต่ก็ถือว่ากลั่นแกล้ง
ไข่มุกที่พระนางคลีโอพัตราใช้เดินเกมทางการเมือง เมื่อโรมันแกล้ง
ไม่ต้อนรับพระนางด้วยการเสิร์ฟภาชนะที่ไม่มีอาหารและเครื่องดื่ม
ทำให้พระนางต้องละลายไข่มุกจากต่างหูของพระนางเองและดื่มเข้าไป
จนชนะใจมาร์ก แอนโธนี นักรบแห่งโรมัน เป็นชิ้นที่มีค่าที่สุดในโลก


      ไข่มุกเกิดจากหอยชนิด 2 ฝา หรือหอยนางรมในสกุล Margarututera
โดยตัวไข่มุกนั้นเกิดจากการรวมตัวของน้ำเมือกจากต่อมที่สร้างเปลือกหอย
น้ำเมือกที่ว่านี้จะมีสีสันแวววาว แม่หอยจะปล่อยน้ำเมือกออกมาเมื่อมีเม็ดทราย
หรือเศษเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือแม้กระทั้งเศษไข่ของแม่หอยเองที่เข้าไประคายเคือง
อยู่ภายใน ทำให้ต้องปล่อยน้ำเมือกออกมาหุ้มเพื่อไม่ให้ระคายเคือง น้ำเมือก
ที่ออกมาหุ้มเศษวัตถุชิ้นจิ๋วนี้เองจะค่อยๆแข็งเป็นชั้นๆ เรียกว่าการเคลือบ
ของ nacre ซึ่งแต่ละชั้นจะผนึกติดกันด้วยธาตุ conchiolin ใกล้เคียงกับธาตุ
ที่เคลือบฟันของคนเรา

      โดยทั่วไปไข่มุกจะมีสีขาว แต่สีอื่นก็มีมากขึ้นอยู่กับระดับความลึก
ของทะเลและวัตถุเคมีภายในหอย ส่วนการสร้างไข่มุกจะใช้เวลา 3-5 ปี
หลักการที่หอยผลิตไข่มุกนี้เอง จึงทำให้คนนำมาทำไข่มุกเลี้ยง เพื่อเร่ง
การผลิตไข่มุก สำหรับไข่มุกเลี้ยงริเริ่มโดย นายโกกิชิ มิกิโมโต ชาวญี่ปุ่น
ผู้ศึกษาชีววิทยาของหอยให้สร้างไข่มุกขึ้นมาได้ โดยนำเปลือกหอย
ของแม่หอยชิ้นเล็กๆมาทำให้รูปร่างกลมคล้ายลูกปัด แล้วใส่เข้าไปในหอย
แล้วนำหอยใส่กรงลวดตาข่ายเอาไปปล่อยไว้ในทะเลทิ้งไว้ราว 3-5 ปี
ตัวหอยก็จะปล่อยเมือกออกมาเพราะว่ามันระคายเคือง เมือกจึงก่อตัวเป็น
ไข่มุกในที่สุดแต่สำหรับไข่มุกเลี้ยงนี้จะเงางาม ไม่เท่าไข่มุกธรรมชาติ
เพราะชั้นของเมือกที่เรียกว่า nacre นั้นมีชั้นน้อยกว่า จึงทำให้ผิวของไ
ข่มุกเลี้ยงมันวาวน้อยกว่า แต่คนที่ดูออกต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ

เวลาจะซื้อมุกนั้น คุณต้องคำนึงถึงเรื่องต่อไปนี้เป็นหลัก
   

-ขนาดและรูปร่าง เป็นเรื่องแรกสุดที่ควรพิจารณาจะได้จำกัดขอบเขต
ในการเลือกซื้อได้ ไม่ใช่ดูไปเรื่อย เสียเวลาเปล่าๆ ค่ะ นอกจากคุณ
จะชื่นชอบความเพลิดเพลินในการเลือกซื้อและมีเวลาว่าง มุกนั้นจะมี
หลายรูปร่างและขนาด ตั้งแต่เล็กจิ๋วไปจนถึงใหญ่ยักษ์ ปกติควรดูจาก
รูปแบบเครื่องประดับที่ทำออกมาว่าเหมาะควรกับขนาดและรูปร่างมุก
ที่ใช้หรือไม่ ส่วนใหญ่แล้ว ถ้าเป็นเข็มกลัดที่ต้องการเน้นให้มุกดูเด่น
ก็จะใช้มุกเม็ดใหญ่ น้ำงาม ส่วนสร้อยมุกล้วนแบบคลาสสิคนั้นไม่ว่า
เส้นสั้นหรือยาว ต้องมีการคัดเลือกอย่างดีให้มีน้ำมุกสม่ำเสมอกันและ
ไล่ขนาดกันเป็นอย่างดีตลอดเส้น จึงจะเรียกว่าที่สมบูรณ์แบบค่ะ
  


ไข่มุกปลอม
 - สีสัน เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นมุกประเภทไหนและรสนิยมส่วนตัวของ
คุณเป็นอย่างไร บางคนก็อาจจะชอบมุกสีแปลกๆ อย่างไข่มุกเซ้าธ์ซี
มากกว่ามุกสีนวลเกลี้ยงทั่วๆ ไป แต่ยิ่งสีสันประหลาดพิสดารเท่าไหร่
เช่น (สีขาวเหลือบชมพู สีดำ สีควันบุหรี่) ก็ยิ่งแพงมากขึ้นเท่านั้น
การจะดูสีของเนื้อมุกให้ได้ถูกต้องไม่ผิดเพี้ยนต้องทาบกับกระดาษ
หรือฉากหลังสีขาวสะอาดเท่านั้นค่ะ



  - ความมันวาวของเนื้อมุก หรือ ภาษาปากเรียกกันว่า "น้ำ" น่ะค่ะ
มุกที่ดีจะมีเนื้อมันวาวสดใส เปล่งประกายจากเนื้อในไร้ความหมองคล้ำ
ซึ่งเป็นผลมาจากการหักเหและสะท้อนของแสงที่ส่องมาตกกระทบเปลือก
มุกชั้นนอกสุด ถ้ามุกมีความมันวาวมาก แสดงว่าเป็นมุกเนื้อหนาและมาจาก
หอยมุกที่แข็งแรง แบบนี้ล่ะค่ะที่ควรซื้อ ความเรียบเนียนของผิวชั้นนอกสุด
ความจริงแล้วไม่ค่อยจะมีมุกที่เรียบเนียนเกลี้ยงเกลาไปทั้งเม็ดหรอกค่ะ
ให้เลือกที่ดูแล้วเกลี้ยงเกลาที่สุด มีตำหนิน้อยที่สุด มีเคล็ดลับอยู่ว่า
ถ้าคุณไม่อยากเปลืองสตางค์มาก ให้เลือกมุกที่ผิวมีตำหนิเล็กน้อย เช่น
มีรอยบุ๋มเล็กๆ แต่มีน้ำหรือความมันวาวสูง แค่นี้ก็จะได้มุกสวยๆ แต่ถูกเงิน
เพราะความมันวาวที่มีอยู่มากจะเปล่งประกายโดดเด่นจนกลบเกลื่อนรอย
ตำหนินิดๆ หน่อยๆ บนเนื้อมุกได้ แต่มุกที่ไม่ควรแตะเลยก็คือมุกที่มี
ตำหนิชัดเจน มีรอยแตกร้าว มีสะเก็ดหรือสิ่งแปลกปลอมฝังอยู่ภายใน
ซื้อไปก็มีแต่ราคาตกเปล่าๆ


วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

วิธีเลือกไข่มุกและการดูแลรักษา

วิธีเลือกไข่มุก

1.หัวใจความงามของไข่มุก อยู่ที่ความวาวหรือลัสเตอร์ (LUSTER) ดัง นั้นไข่มุกจึงต้องมีประกายมันวาว ยิ่งวาวมากเท่าไหรยิ่งดีเท่านั้น วิธีดูความวาวอย่างง่าย ๆ คือนำมุกมาส่องดูหน้าเรา เหมือนเรากำลังส่องกระจก หากเราเห็นหน้าเราชัด แปลว่ามุกเม็ดนั้นมีความวาวสูง แต่หากเห็นเบลอ ๆ ก็หมายความถึงความวาวที่ด้อยกว่า
2.ผิวไข่มุกต้องเรียบ ไม่มีรอยโป่ง ขรุขระ หรือถ้ามีก็ขอให้อยู่ในตำแหน่งที่ลับตา อาจซ่อนตำหนิไว้ด้านหลังตัวเรือน
3.สีสัน ของไข่มุกนั้นมีหลากหลาย ทั้งสีขาว สีขาวอมชมพู สีเงินยวง สีเหลืองนวล สีทอง สีเทา สีเขียว สีดำ สีดำประกายเขียว สีดำประกายหลากสี เป็นต้น ชอบสีใดก็เลือกสีที่ถูกใจเท่านั้นเอง แต่ถ้าคิดถึงประโยชน์ในการใช้สอยว่าคุ้มค่า คุ้มเงินที่สุด ก็ควรเลือกสีขาวเพราะสามารถใช้สอยได้ทุกเวลา ทุกโอกาส กับทุกแบบทุกสีสันของเสื้อผ้าได้อย่างดีที่สุด ส่วนท่านที่มีเงินทองเหลือเฟือและรักไข่มุกเป็นพิเศษ จะสะสมไข่มุกทุกสีทุกรูปทรง ก็ย่อมจะมีความสุขกับสีสันหลากหลายที่นุ่มนวลงดงาม


4.รูป ทรงไข่มุกที่นิยมกันมากที่สุด คือ กลม แต่ไข่มุกรูปทรงอื่น ๆ เช่น รูปทรงหยดน้ำ ทรงบาร็อค มุกซีกรูปร่างต่าง ๆ หรือทรงแปลก ๆ เช่น เป็นชิ้นเป็นกิ่งคล้ายต้นไม้ กิ่งไม้ ฯลฯ ก็ได้รับความนิยมไม่น้อยเช่นกัน 
 



แต่ ถ้าเลือกไข่มุกทรงกลมก็จะสามารถใช้สอยได้นาน ไม่ล้าสมัยหรือเบื่อง่าย เหมาะกับเครื่องแต่งกายทุกแบบ ซึ่งคุ้มค่าในการใช้สอยมากที่สุด ส่วนไข่มุกที่มีรูปทรงแปลกควรๆ ได้รับการออกแบบที่เก๋ไก๋ จะยิ่งช่วยส่งให้ไข่มุกเม็ดนั้นดูดี สวยงามมากยิ่งขึ้น เมื่อประดับเคียงคู่กับเครื่องแต่งกายที่ เข้ากันก็จะสวยเก๋ แปลกตา

ผิวของไข่มุกธรรมชาติ เมื่อใช้กล้องขยายขนาดกำลัง 10 เท่า ส่องดู จะเห็นว่าผิวของไข่มุกมีริ้วรอยขรุขระเล็ก ๆ ให้เห็น มีลักษณะคล้าย ๆ เกล็ดปลาบาง ๆ ซ้อนทับกัน จะไม่เรียบกริบ หากพบร่องรอยเม็ดสีพ่นเป็นละอองฝุ่นเล็ก ๆ นั่นหมายถึงพลาสติกที่เลียนแบบไข่มุก จะมีผิวเรียบลื่นเป็นมันมากจนผิดปกติ และเมื่อไข่มุกปลอมจำนวนมากวางอยู่รวมกัน ก็จะสังเกตเห็นได้ง่ายว่า ผิวของทุกเม็ดจะมีความมันวาวเรียบลื่นเสมอกัน และประกายของเม็ดมุกก็จะเปล่งสีสันออกมาเหมือนกันทุกเม็ด ซึ่งผิดจากธรรมชาติของไข่มุกแท้ เพราะไข่มุกแท้นั้น เมื่อวางรวมกลุ่มกันอยู่จะเปล่งประกายแรงหรืออ่อนไม่เท่ากัน และสีสันก็มักจะแตกต่างกันบ้าง (แม้ว่าจะมีสีสันเดียวกัน เช่น สีขาว) ไม่เหมือนกันทุกเม็ดอย่างไข่มุกเทียมเป็นอันขาด


วิธีการรักษาให้ไข่มุกอยู่คงทน

ควรไว้ให้ไกลห่างจากสารเคมีทุกชนิดด้วย เช่น น้ำหอม สเปรย์ ผงซักฟอก ฯลฯ ถ้าจะทำความสะอาดก็ให้ล้างด้วยน้ำสบู่อ่อน ๆ และเจือจางมาก ๆ จากนั้นล้างด้วยน้ำเปล่าจนสะอาดดี ใช้ผ้านุ่ม ๆ ซับให้แห้ง ห้ามเช็ด ถูแรง ๆ เพราะฝุ่นละอองเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่ในผ้าที่ตาเปล่าเรามองไม่เห็นจะไปขูดให้มุกเป็นรอยได้

หาก ท่านต้องเก็บ ให้เก็บมุกไว้ในถุงผ้าที่มีอากาศถ่ายเทได้จะดีมาก และหากท่านไว้ในตู้เซฟที่ปิดและไม่มีอากาศถ่ายเทเลย จะทำให้ความวาวบนไข่มุกลดลงได้



South Sea Pearls

South Sea Pearls  
 
South Sea เป็นไข่มุกที่มีราคาต่อหน่วยสูงสุด ไข่มุกชนิดนี้มีเส้นผ่านศูนย์กลาง   ระหว่าง 9 – 22 มม. มีการผลิตเป็นอุตสาหกรรมครั้งแรก ในประเทศออสเตรเลีย และปัจจุบันออสเตรเลียยังคงเป็นผู้ผลิตรายใหญที่สุดของโลก โดยผลิตได้ปีละ 1.3 ตัน แหล่งผลิตหลักอยู่แถบชายฝั่งทิศเหนือ โดยผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุด คือ Pospaley Pearling Pty Ltd. สามารถผลิตไข่มุกได้ปีละ 0.75 ตัน
การผลิตไข่มุกของออสเตรเลียถูกกำหนดโดยระบบโควต้า(Quota) ซึ่งรัฐบาลจะกำหนดให้มีปริมาณการเลี้ยงและการผลิตไข่มุกจากหอยได้ปีละประมาณ 600,000 ตัว โดยแบ่งเป็นใบอนุญาต  17 ใบ  โดยแต่ละใบจะใช้สำหรับจำนวนหอยมุก 20,000 ตัว
ผู้ผลิตไข่มุก SouthSea รายใหญ่อีกราย คือ อินโดนีเซีย ซึ่งผลิตไข่มุกได้ 0.38 ตัน/ปี และฟิลิปปินส์ ซึ่งผลิตมุกได้ 0.30 – 0.38 ตัน/ปี
ในปี พ.. 2538 ผู้ผลิตและผู้ค้าส่งไข่มุก SouthSea ได้ร่วมกันก่อตั้ง The South Sea  Pearl Consortium เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของไข่มุก SouthSea ซึ่งเน้นที่ไข่มุก SouthSea ของออสเตรเลีย โดยมีงบประมาณในการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการขาย 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และจัดสรรทุนให้  
          The Gemological Institute of America ในสหรัฐฯ เพื่อพัฒนาการคัดคุณภาพมาตรฐานของไข่มุก SouthSea และการฝึกอบรมบุคลากรที่เกี่ยวข้อง
         

ประเภทของไข่มุก

ประเภทของไข่มุก article
           ไขมุก เครื่องประดับเงิน gemstone'ไข่มุก' สามารถใช้ได้ทุกโอกาส ทุกสถานที่ ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นงานกลางวัน หรืองานทุกงานยามค่ำคืน และสามารถสวมเครื่องประดับไข่มุกกับเครื่องแต่งกายทุกชุด ทุกแบบได้อย่างเหมาะสมงดงามอีกด้วย

   ประเภทของไข่มุก มี 2 ประเภท คือ ไข่มุกธรรมชาติ (Natural Pearl) และไข่มุกเลี้ยง (Cultured Pearl) โดยที่ไข่มุกธรรมชาตินั้นถือว่าหาได้ยากมากแล้วในปัจจุบัน โดยทั่วไปจะซื้อขายกันเป็นน้ำหนักหน่วยกะรัต ส่วนไข่มุกเลี้ยงจะขายกันโดยวัดขนาดของมุกใช้หน่วยเป็นมิลลิเมตร แหล่งกำเนิดที่สำคัญของไข่มุกเลี้ยง คือ ญี่ปุ่น จีน และทะเลใต้




 
-


 ไข่มุกธรรมชาติ (Natural Pearl)    
    ไข่มุกธรรมชาติเป็นไข่มุกที่เกิดจากการที่มีวัสดุชิ้นเล็กๆ เช่น เม็ดทราย หรือหิน เล็ดลอดเข้าสู่ภายในของเปลือกหอยโดยความบังเอิญ หรือจากธรรมชาติกระทำ จากนั้นตัวหอยจะเกิดความระคายเคืองภายในตัวเอง โดยกลไกลของตัวหอยจะปกป้องและสร้างชั้นของ เนเคอร์ (
nacre) เพื่อห่อหุ้มสิ่งแปลกปลอมนั้นให้มีความหนาซ้อนกันมากขึ้นเรื่อยๆ การซ้อนของชั้นเนเคอร์ จะมีลักษณะเป็นชั้นคล้ายกับหัวหอมล้อมรอบวัสดุแปลกปลอมที่อยู่ตรงกลางไข่มุก ธรรมชาติจะมีรูปร่างที่หลากหลายขึ้นอยู่กับรูปทรงดั้งเดิมของวัสดุแปลกปลอม ที่เข้าไป ไข่มุกธรรมชาติมักได้รับการพิจารณาว่าเป็นไข่มุกที่หายากและค่อนข้างแพง โดยทั่วไปมักซื้อขายกันเป็นน้ำหนักหน่วยกะรัต แหล่งกำเนิดที่สำคัญของไข่มุก คือ อ่าวเปอร์เซีย ศรีลังกา ออสเตรเลีย ตาฮิติ และทะเลใต้

   ไข่มุกเลี้ยง (Cultured Pearl)
    ไข่มุกเลี้ยงมีลักษณะของการกำเนิดเช่นเดียวกันกับไข่มุกธรรมชาติ แต่เป็นกรรมวิธีที่เกิดจากมนุษย์เป็นผู้ทำ โดยการที่ผู้เชี่ยวชาญจะใช้เครื่องมือค่อยๆ เปิดฝาเปลือกหอยออกและจากนั้นนำวัสดุชิ้นเล็ก เช่นลูกปัดกลม ใส่ลงไปภายในและจากนั้นก็นำหอยไปเลี้ยง โดยคอยดูแลสภาพแวดล้อม และความสะอาดของเปลือกหอย เมื่อเวลาผ่านไปวัสดุแปลกปลอมนั้นจะถูกเคลือบด้วยชั้นเนเคอร์ ซึ่งความหนาของชั้น เนเคอร์นี้จะขึ้นอยู่กับชนิดของเปลือกหอยที่ถูกสร้างขึ้นและชนิดของแหล่งน้ำ ที่หอยนั้นอาศัยอยู่ และระยะเวลาของวัสดุที่อยู่ภายในเปลือกหอยก่อนการเก็บเกี่ยว หากชั้นเนเคอร์มีการเพิ่มความหนาขึ้นก็จะทำให้คุณภาพหรือความหนาของไข่มุก เพิ่มขึ้นด้วย มุกเลี้ยงส่วนใหญ่มักซื้อขายกันโดยวัดขนาดเป็นมิลลิเมตร แหล่งกำเนิดที่สำคัญของไข่มุกเลี้ยงคือ ญี่ปุ่น จีน และทะเลใต้
  

ประเภทของไข่มุกแบ่งตามแหล่งกำเนิด
 
ไข่มุกน้ำจืด (Freshwater Perl)ไข่มุกน้ำจืด เครื่องประดับเงิน thaisilvergem 
ไข่มุก น้ำจืดจะพบได้ในบริเวณชายหาดและแม่น้ำทั่วๆ ไปทุกแห่งในโลก สามารถเพาะเลี้ยงได้ง่ายในประเทศจีน, ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา รวมถึงประเทศไทย แต่ด้วยความแวววาวที่ด้อยกว่ามุกน้ำเค็มมุกน้ำจืดจึงมีราคาที่ถูกกว่า ประกอบด้วยรูปร่างลักษณะที่หลากหลายและสีสันทำให้มันเป็นที่นิยมอย่างมากใน หลายปีที่ผ่านมา
ไข่มุกน้ำจืดจะมองดูเหมือนไข่มุกอะโกย่า มาก แต่ราคาของไข่มุกน้ำจืดนั้นจะถูกกว่าไข่มุกอะโกย่าถึง 1/5 ของราคาไข่มุกอะโกย่า ไข่มุกน้ำจืดสามารถสร้างได้หลากหลายสีมาก แต่สีที่นิยมทำกันจะมี สีขาว, ชมพู, ส้ม และสีที่อ่อนๆ
 ถ้ากำลังมองหาไข่มุกที่ราคาไม่แพง สีสันสวยงาม และรูปร่างกลมสวย ไข่มุกน้ำจืดจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ามาก
ไข่มุกอะโกย่า เครื่องประดับเงิน thaisilvergem


ไข่มุกอะโกย่า (Akoya Pearl)
       อะโกย่าเป็นไข่มุกชั้นดีที่พบในประเทศญี่ปุ่น และเป็นไข่มุกที่แวววาวที่สุด เมื่อเทียบกับไข่มุกประเภทอื่นๆ
       ไข่ มุกอะโกย่า จะมีดูเหมือนไข่มุกน้ำจืดมาก แต่เมื่อนำมาเปรียบเทียบใกล้ๆกันแล้ว ก็จะเห็นถึงความแตกต่างชัดเจน นั่นคือ ไข่มุกอะโกย่าจะมีขนาดที่ใหญ่กว่า, ผิวเรียบกว่า, รูปร่างกลมกว่า และมีความเปล่งประกายแวววายมากกว่าไข่มุกน้ำจืด




มุกขาวทะเลใต้ (
White SouthSeaPearl)
ไข่มุกทะเลใต้ เครื่องประดับเงิน thaisilvergem

        เป็นไข่มุกที่มีราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากว่าไข่มุกประเภทนี้จะใช้ หอยนางรม ชื่อว่า pinctada maxima ซึ่ง เป็นหอยนางรมที่มีขนาดใหญ่กว่า หอยนางรมที่ผลิตไข่มุกน้ำจืด และไข่มุกอะโกย่า เนื่องจากขนาดตัวหอยนางรมที่ใหญ่จึงทำให้ไข่มุกมีขนาดใหญ่ ตามไปด้วย และอีกสาเหตุนึงที่ทำให้ไข่มุกประเภทนี้แพงคือ หอยนางรมประเภทนี้จะค่อนข้างหาได้ยาก และค่อนข้างอ่อนไหวต่อสิ่งรอบข้างทำให้ การผลิตไข่มุกของหอยนางรมชนิดนี้ทำได้ยากมาก



ไข่มุกตาฮิติ เครื่องประดับเงิน thaisilvergem

ไข่มุกตาฮิติ (Tahitian Pearl)

        มุก ตาฮิติเป็นมุกขนาดค่อนข้างใหญ่ เป็นมุกที่มีความสวยงามและมีสีสันที่พิเศษคือสีเทาอ่อน สีดำ จนไปถึงสีเขียวและสีม่วง ด้วยขนาดและสีสันที่แปลกแตกต่าง ทำให้มุกตาฮิติมีราคาสูงมาก








มุกมาบิ (Mabe Pearl)   
มุกมาบิ คือไข่มุกครึ่งซีกที่เติบโตอยู่กับเปลือกหอยมุก มันจะไม่เติบโตอยู่ในตัวหอยมุก จึงทำให้มีลักษณะเป็นเพียงครึ่งซีก เหมาะที่จะนำมาทำต่างหูและแหวนที่ด้านหลังแบนและเรียบ
  
-  






 คำแนะนำ ระมัดระวัง อย่านำ ไข่มุก เข้าใกล้สารเคมีทุกชนิด เช่น น้ำหอม ผงซักฟอก เป็นต้น ถ้าจะทำความสะอาดก็ให้ล้างด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ แล้วล้างด้วยน้ำเปล่าจนสะอาดดี ใช้ผ้านุ่มๆ ซับให้แห้ง เพียงเท่านี้ไข่มุกของคุณก็จะคงความงดงาม เปล่งประกายแวววาวนานขึ้น